พระมหาอำนวยทำวิจัยเรื่อง
“การศึกษาเรื่องการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาท” เป็นวิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต
ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อ ปี 2542 ก็ประมาณ 13 ปีมาแล้ว
ผมได้นำบทคัดย่อของงานวิจัยชิ้นนี้ลงไปในบทความ
“พระมหาอำนวย
อานันโท[01]” แล้ว
ต่อไปเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ลงในรายละเอียด
ข้อความนี้
ผู้วิจัยพบว่า การบรรลุธรรมนั้น สิ่งสำคัญประการแรก คือ การศึกษาถึงหลักธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้
โดยเฉพาะโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ
เป็นหลักธรรมที่นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อการบรรลุธรรมโดยเฉพาะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ในวาระต่าง ๆ กัน เพื่อให้เหมาะกับจริตนิสัยของแต่ละบุคคล
โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ประกอบด้วย สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์
5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 และมรรคมีองค์ 8 แต่ละหมวดธรรมมีความสมบูรณ์อยู่ในตัว
ผู้ปฏิบัติจะถือหลักธรรมหมวดไหนในการปฏิบัติก็สามารถบรรลุธรรมได้เช่นเดียวกันเปรียบเหมือนแม่น้ำทุกสายย่อมไหลลงสู่มหาสมุทร
ฉันใด การปฏิบัติธรรมตามหมวดธรรมใดย่อมนำไปสู่การบรรลุธรรมได้ ฉันนั้น
ไม่รู้ว่า
พระมหาอำนวย ท่านใช้เวลาในการทำวิทยานิพนธ์เล่มนี้กี่ปี
ถึงได้ผลการศึกษาที่ห่วยแตกได้ถึงขณะนี้
พระมหาอำนวยได้ผลการศึกษาว่า
ผู้ปฏิบัติจะปฏิบัติธรรมหมวดใดก็ได้ในโพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ โดยมีเหตุผลว่า “แม่น้ำทุกสายย่อมไหลลงสู่มหาสมุทร
ฉันใด การปฏิบัติธรรมตามหมวดธรรมใดย่อมนำไปสู่การบรรลุธรรมได้ ฉันนั้น”
ผมเห็นว่า
เป็นเหตุผลที่ห่วยแตกสิ้นดี
เอาหลักการง่ายๆ
เลย ที่รู้กันโดยทั่วไปที่ว่า
พระพุทธองค์ทรงบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยวิชชาสาม
วิชชาสามนี้
อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มแรกเลย เป็นพระสูตรแรกเลย เริ่มต้นที่หน้าที่หนึ่งเลย พระมหาอำนวยไม่รู้เรื่องวิชชาสามเลยหรือ!!!
พจนานุกรมพุทธศาสตร์
ฉบับประมวลธรรมของพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เขียนเกี่ยวกับวิชชาสามไว้ดังนี้
วิชชา 3 (ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ —
the Threefold Knowledge)
- ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ญาณเป็นเหตุระลึกขันธ์ที่อาศัยอยู่ในก่อนได้, ระลึกชาติได้ — reminiscence of past lives)
- วิชชา 3 นี้ เรียกสั้นๆ ว่า ญาณ 3
ถ้างานวิจัยชิ้นนี้
จะเป็นงานวิจัยที่ดีนั้น ก็ควรจะอธิบายถึงวิชชาสามด้วยว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาครั้งนี้อย่างไร” นี่พระมหาอำนวยทำราวกับว่า ไม่รู้จักวิชชาสาม
นอกจากนั้นแล้ว พุทธศาสนิกชนก็รู้กันโดยทั่วไปว่า
ในการบรรลุพระอรหันต์นั้น ต้องปฏิบัติอริยสัจ 4 ถึงสามรอบ ที่เรียกว่า กิจในอริยสัจ
4
วิกิพิเดีย
สารานุกรมเสรี ในหัวข้อ “อริยสัจ 4” กล่าวถึงกิจในอริยสัจ 4 ไว้ดังนี้
กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่
- ปริญญา - ทุกข์ ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
- ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
- สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
- ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา
- กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ
กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ
ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้
สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
- นี่คือทุกข์
- นี่คือเหตุแห่งทุกข์
- นี่คือความดับทุกข์
- นี่คือทางแห่งความดับทุกข์
กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
- ทุกข์ควรรู้
- เหตุแห่งทุกข์ควรละ
- ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
- ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
- ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
- เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
- ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
- ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว
ประเด็นนี้ก็เช่นเดียวกัน
พระมหาอำนวยควรมีคำอธิบายให้มากกว่านี้ นี่พระมหาอำนวยทำราวกับว่า
ไม่รู้จักอริยสัจ 4
ผมถึงได้บอกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ เป็นงานวิจัยที่ห่วยแตกสิ้นดี....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น