บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

“กำเนิดเดิม” ตัวตนของเรา


ในบทความชุดนี้ ต้องการจะนำเสนอว่า กิเลสอยู่ที่ไหนและได้กล่าวไปแล้วว่า อยู่ในขันธ์ 5 จึงต้องกล่าวถึง “ขันธ์ 5” ให้เข้ากันตรงกันเสียก่อน

ในบทความก่อนหน้านี้ ได้อธิบายไปแล้วว่า ที่อนัตตลักขณสูตรกล่าวว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเรานั้น  ถูกต้องแล้ว 

แต่ไม่ใช่ว่า “ตัวตนไม่มี”  ตัวตนของเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายต้องมี ซึ่งก็คือ “กำเนิดเดิม”

กำเนิดเดิมนั้น เป็นส่วนละเอียดของขันธ์ 5

หลวงพ่อวัดปากน้ำได้อธิบายถึงองค์ประกอบของกำเนิดเดิมแล้วว่า ประกอบด้วย กำเนิดกาย กำเนิดเห็น กำเนิดจำ กำเนิดคิด และกำเนิดรู้

กำเนิดเดิมนี่แหละ ที่เป็นตัวไปเกิดมาเกิด เป็นตัวที่เก็บข้อมูลบุญ-บาป  กำเนิดเดิมเดิมนี่แหละ ที่จะเป็นตัวไปหาขันธ์ 5 ส่วนหยาบข้างหน้า 

กำเนิดเดิมนี่แหละคือ ตัวตนของเรา 

ขอย้ำว่า กำเนิดเดิมยังตกอยู่ในพระไตรลักษณ์ คือ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  และขอย้ำแบบยกกำลังสองว่า กำเนิดเดิมไม่ใช่ “อัตตาแบบพราหมณ์”

หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนเรื่อง “กำเนิดธาตุธรรมเดิม” ไว้ในหนังสือมรรคผลพิสดาร หน้า 27 ดังนี้

กำเนิดธาตุธรรมเดิมกับขันธ์ ๕ นั้น ต่างกันคนละอย่าง ไม่ใช่อย่างเดียวกัน  คือ กำเนิดธาตุธรรมเดิมนั้น เป็นพืชเดิมที่จะก่อเป็นขันธ์ ๕ ขึ้น

กำเนิดธาตุธรรมเดิมของมนุษย์ ตั้งอยู่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ ที่ภายในสะดือเข้าไป เห็นดวงกลมใส สะอาดบริสุทธิ์ ประมาณเท่าปลายเข็ม หรือเท่าเมล็ดโพธิ์ เมล็ดไทร

นี่เป็นพืชเดิม เกิดมีขึ้นก่อน

ในทางวิชาธรรมกายนั้น “ธรรมะ” ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อใด ในส่วนละเอียดจะเป็น “ดวงกลม” ทั้งสิ้น  กำเนิดธาตุธรรมเดิม หรือกำเนิดเดิมนั้น เป็นดวงกลมใส

ข้อความตรงนี้ สอดคล้องกับ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ดังนี้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เปลี่ยนแปลงได้เร็ว เหมือนจิต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตเปลี่ยนแปลงได้เร็วเท่าใดนั้น แม้จะอุปมาก็กระทำได้มิใช่ง่าย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง แต่ว่าจิตนั้นแล เศร้าหมองด้วยอุปกิเลสที่จรมา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง และจิตนั้นแล พ้นวิเศษแล้วจากอุปกิเลสที่จรมา ฯ

หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนเรื่อง “กำเนิดธาตุธรรมเดิม” ต่อมาอีก ในหน้า 27-28 ดังนี้

กำหนดธาตุธรรมเดิมนั้น ขยายเป็นส่วนท่ามกลาง และเป็นส่วนหยาบออกมาก็เป็นดวงกลมใสสะอาดบริสุทธิ์ หุ้มอยู่ชั้นนอกของกำเนิดธาตุธรรมเดิมส่วนที่ละเอียด

ดวงกลมอย่างหยาบท่ามกลางนี้แหละ จะตั้งปฏิสนธิกำเนิดเป็นขันธ์ ๕ ร่างกายของมนุษย์เป็นเบื้องต้น

ตั้งแต่เท่าหยาดน้ำมันงาอันใส ซึ่งติดอยู่ปลายขนจามจุรี อันบุรุษผู้มีกำลังปานกลาง สลัดเสียแล้ว ๗ ครั้ง เป็นกลละรูป

ตรงนี้ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปใหญ่ คือ กำเนิดเดิมนั้นคือ ตัวตนของเรา  กำเนิดเดิมที่ขยายหยาบขึ้นมา คือ ตัวขันธ์ ๕  

ขันธ์ ๕ นี้เปรียบเสมือนบ้านของคน  กำเนิดเดิมก็คือคน



หรืออาจจะเปรียบเทียบได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ  ขันน้ำกับน้ำ 

ขันเปรียบได้กับขันธ์ 5 ส่วนน้ำในขัน ก็คือ กำเนิดเดิม อันเป็นตัวตนของเรา

ดวงกลมที่เป็นกลละรูปของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ก็สอดคล้องกับพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ยักขสังยุต อินทกสูตรที่ ๑ ดังนี้

[๘๐๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่บนภูเขาอินทกูฏ ซึ่งอินทกยักษ์ครอบครอง เขตกรุงราชคฤห์ ฯ

[๘๐๒] ครั้งนั้นแล อินทกยักษ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับครั้นแล้วได้กราบทูลด้วยคาถาว่า "[ถ้า] ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า รูปหาใช่ชีพไม่ สัตว์นี้จะประสพ ร่างกายนี้ได้อย่างไรหนอ กระดูกและก้อนเนื้อจะมาแต่ไหน สัตว์นี้จะติดอยู่ในครรภ์ได้อย่างไร"

[๘๐๓] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "รูปนี้เป็นกลละก่อน  จากกลละเป็นอัพพุทะ  จากอัพพุทะเกิดเป็นเปสิ จากเปสิเกิดเป็นฆนะ  จากฆนะเกิดเป็น ๕ ปุ่ม (ปัญจสาขา) ต่อจากนั้น มีผมขน และเล็บ (เป็นต้น) เกิดขึ้น มารดาของสัตว์ในครรภ์บริโภคข้าวน้ำโภชนาหารอย่างใด สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดา ก็ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยอาหารอย่างนั้นในครรภ์นั้น" ฯ

ขอสรุปประเด็นที่เกี่ยวกับกำเนิดเดิมหรือตัวตนของเรากับขันธ์ 5 ด้วยข้อเขียนของคุณลุงการุณย์ บุญมานุชในหนังสือ  หน้า 116 ดังนี้

สรุปว่า กำเนิดเดิมมีขึ้นก่อน ขันธ์ ๕ เกิดตามทีหลัง

ขันธ์ ๕ มีขึ้นในวันที่ปฏิสนธิ สิ่งที่เกิดพร้อมกับขันธ์ ๕ คือ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒

เมื่อกายมนุษย์เป็นอย่างนี้ กายละเอียดอื่นๆ ของเราก็เป็นอย่างเดียวกัน คือ เกิดพร้อมกันหมด...

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่มีพุทธวิชาการหรือนักปริยัติคนไหน สามารถอธิบายเรื่องขันธ์ 5 ได้เข้าใจอย่างชัดแจ้งเท่ากับหลวงพ่อวัดปากน้ำอีกแล้ว 

นี่..หมายความรวมถึงสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ ด้วย

พวกเขาเหล่านั้น พอเห็นข้อความในอนัตตลักขณสูตรที่ว่า “ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเรา”  ความที่ “ไม่รู้” และ “ไม่เห็น”  หรือถ้าจะกล่าวชัดๆ ก็คือ “ไม่มีญาณทัสสนะ” ใดๆ 

จึงตีความเลยเถิด เลยศาสนาพุทธไปว่า “ตัวตนไม่มี

การตีความว่า “ตัวตนไม่มี” นั้น เข้าข่าย “มิจฉาทิฐิ” เข้าไปแล้ว เพราะ เมื่อเชื่อว่า “ตัวตนไม่มี” บุญ-บาปก็ต้องไม่มีไปด้วย เพราะ จะไม่มีผู้รับผลของบุญ-บาปที่ “ตัวตนของเรา” ทำขึ้น



6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ23 เมษายน 2555 เวลา 13:26

    อ่านแล้วมีคำถามว่ากรณีที่ไปทำศัลยกรรมมาทำให้หน้าปัจจุบันของกายมนุษย์หยาบให้ต่างจากหน้าเดิม
    1. กายมนุษย์ละเอียด จะหน้าตาเหมือนกับกายมนุษย์ปัจจุบันหลังทำศัลยกรรมแล้วหรือไม่
    2. หากดูกำเนิดธาตุธรรมเดิมแล้วขยายให้ใหญ่จนเห็นกายของผู้นั้น หน้าตาของผู้นั้นจะเปลี่ยนไปตามกายมนุษย์หยาบที่ทำศัลยกรรมหรือไม่

    ตอบลบ
  2. คำถามน่าสนใจ ตอบไปก่อนตามความรู้ของผม แล้วผมจะไปถามคุณลุงอีกครั้งหนึ่ง

    เอาประสบการณ์ก่อน เคยมีผู้หญิงมาถามผมว่า ตัวเขาจะเอาดวงนิมิตเข้าจมูกไหน ผมก็ตอบไปอย่างค่อนข้างหงุดหงิดใจเล็กๆ เพราะ สอนไปแล้วว่า "ก็เข้าจมูกซ้ายนะซิ"

    คนถาม บอกมาว่า "เมื่อก่อนนี้ หนูเป็นผู้ชาย" ผมก็งงเต็กเหมือนกัน

    โดยสรุป การนำนิมิตเข้าจมูกให้ทำตาม "เพศปัจจุบัน" น้องปอย ตรีชฎา ถ้ามาเรียนก็ต้องเอาเข้าจมูกซ้าย

    ดังนั้น คำถามของคุณนั้น กายมนุษย์ละเอียดต้องคล้ายกับหน้าที่ผ่าตัดแล้ว

    แต่การผ่าตัดนั้น ตามปกติมันไม่ได้ทำให้หน้าเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม

    เรื่องนี้ น่าสนใสก็คือ ถ้ามีคนผ่าตัดเปลี่ยนหน้า เหมือนหนังเรื่อง "Face Off สลับหน้าล่าล้างนรก"

    หน้าของกายมนุษย์ละเอียดจะเปลี่ยนหรือไม่

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ23 เมษายน 2555 เวลา 16:06

    จากที่อ่านหนังสือของลุง ถ้าเห็นกำเนิดธาตุธรรมเดิม ให้ขยายให้ใหญ่แล้วจะเห็นกายนั้น

    ดังนั้นคำถามที่น่าสนใจก็คือ หากผู้นั้นแปลงเพศหรือไปทำศัลยกรรมมา กายที่ขยายให้ใหญ่ที่กำเนิดธาตุธรรมเดิมจะเป็นกายปัจจุบันหรือกายก่อนหน้าที่ยังไม่ได้แปลงเพสและไปทำศัลยกรรมมา

    อีกเรื่อง ในหนังสือมรรคผล 1 พบว่าตอนมาเกิดหากเข้าช่องจมูกผิด จะทำให้ผิดเพศตอนเป็นมนุษย์ แสดงว่าในการที่กลรูปจะเข้าปากช่องจมูกของบิดา และเข้าปากช่องจมูกของมารดาหลังประกอบธาตุธรรมแล้ว ขึ้นอยู่กับบุญกรรมในรอดีตของกำเนิดธาตุธรรมเดิมของกลรูปนั้นเป็นชนกกรรมให้เข้าปากช่องจมูกผิดหรือถูกต้อง ใช่หรือไม่

    ตอบลบ
  4. มันก็ต้องตอบไปอย่างนั้นแหละ มันก็ต้องเป็น "กรรม" ของเขา ถึงได้ทำผิดพลาดอย่างนั้น

    ไม่รู้ว่าจะมีคำตอบที่ละเอียดกว่านี้หรือไม่ คือ ผมไม่รู้จริงๆ

    ไอ้การตอบว่า "เป็นกรรมของเขา" นี่ มันตอบเหมือนไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่

    แต่ตอนนี้ ก็ต้องตอบว่า "เป็นกรรมของเขานั่นแหละ" เพราะ ผมไม่รู้เรื่องละเอียดในเรื่องนี้

    แต่ว่า คุณทำไมสนใจเรื่องนี้ เป็นกะเทยหรือไง หรือว่า มีเพื่อนเป็นกะเทย

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ23 เมษายน 2555 เวลา 16:50

    งั้นฝากถามลุงให้หน่อยนะครับ มี 3 ข้อนะครับ

    ตอบลบ
  6. ทบทวนคำถามให้ใหม่ด้วย อยากถามอะไรบ้าง

    ตอบลบ