ในบทความชุดนี้
ผมได้เกริ่นนำไว้ตั้งแต่บทความแรกแล้วว่า “ทำอย่างไรถึงจะบรรลุมรรคผลนิพพาน”
ได้ ผมได้สรุปการบรรลุมรรคผลนิพพานจากพระไตรปิฎกไปแล้ว ในบทความชุดนี้
01-วิชชาสาม
02-อนัตตลักขณสูตร
03-อนุปุพพิกถา
04-อาทิตตปริยายสูตร
05-อาสวะ-อนุสัย-สังโยชน์
06-การบรรลุนิพพาน
อย่างไรก็ดี พระไตรปิฎกนั้น
ถ้าเปรียบเทียบกับระบบการเรียนการสอนก็คล้ายๆ กับ “หลักสูตร”
ของการศึกษา คือ ไม่ได้บอกว่า “ให้สอนอย่างไร” บอกแต่เพียงว่า “ให้สอนอะไร” เท่านั้น
บรรดาพวกครูทั้งหลายจะต้องไปหา
“เนื้อหา” พร้อมกับวิธีสอนเอาเอง
ดังนั้น
ในพระไตรปิฎกก็จะบอกแต่เพียงว่า “จะบรรลุพระอรหันต์จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้”
คือ กำจัดกิเลส กำจัดสังโยชน์ได้ โดยทำตามโพธิปักขยธรรม จนกระทั่งวิชชา 3
แต่ไม่ได้บอกไว้ว่า
“จะต้องปฏิบัติอย่างไร”
ในบทความชุดต่อไปนี้
จะนำเสนอว่า การบรรลุมรรคผลนิพพานในวิชาธรรมกายทำอย่างไร ซึ่งเป็นการนำพระไตรปิฎกมาอธิบายแนวทางปฏิบัติ
ขอสรุปก่อนว่า
การบรรลุมรรคผลนิพพานมีขั้นตอนในการปฏิบัติแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1) บารมีครบ 30 ทัศต้องครบถ้วน
2) ต้องใช้วิชชา 3 เพื่อกำจัดกิเลสให้หมด และบรรลุเป็นเตรียมอริยบุคคล
3) ต้องละสังโยชน์ 10 เพื่อให้เป็นพระอริยบุคคลที่สูงขึ้นจนถึงพระอรหันต์
4) ต้องใช้วิปัสสนาญาณ 10
|
อย่างไรก็ดี
เมื่อศึกษาประเด็นที่เกี่ยวกับ “กิเลส”
ของพุทธวิชาการและพุทธปฏิบัติธรรมอื่นๆ ผมพบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านั้น
มีความเข้าใจเกี่ยวกับกิเลสน้อยมาก
โบราณกล่าวว่า
กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด
ถ้าไม่เข้าใจกิเลสแล้ว จะกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจได้อย่างไร
ขอยกตัวอย่างคำถาม-คำตอบจากหนังสือ
“คำถาม-คำตอบปัญหาทางพระพุทธศาสนา เล่ม 1”
ของคุณสุชีพ ปุญญานุภาพ ในหน้า 34 ดังนี้
คำถาม
โลภะ โทสะ โมหะ เป็นกิเลสที่พูดกันอยู่ แต่บางทีก็พูดว่า ราคะ
โทสะ โมหะ ทั้งนี้มีความหมายต่างกันอย่างไร?
|
คำตอบ
ถ้ากล่าวในฐานะเป็นมูลรากความชั่ว ที่เรียกว่า อกุศลมูล
ท่านใช้คำว่า โลภะ โทสะ โมหะ ถ้ากล่าวในฐานะเป็นไฟให้เร่าร้อน ท่านใช้คำว่า ราคะ
โทสะ โมหะ
โลภะหรือความโลภนั้น เป็นต้นเหตุให้ทำความชั่วได้ต่างๆ
แต่ตัวที่เผาจิตให้เร่าร้อน ท่านเรียกราคะ
ความกำหนัดยินดี กิเลสทั้งสองชื่อนี้ คือ โลภะกับราคะ
เป็นกิเลสประเภทเดียวกัน ใช้เรียกแทนกันได้
|
คำตอบของคุณสุชีพข้างต้นนั้น คุณสุชีพท่านตอบแบบ “ลากสีข้างเข้าถู” คนเขาถามว่า ชื่อกิเลส 2
ชุดข้างล่างนี้ต่างกันอย่างไร ดังนี้
ราคะ
|
โทสะ
|
โมหะ
|
โลภะ
|
โทสะ
|
โมหะ
|
คนเขาสงสัยว่า
โลภะ กับ ราคะ
เป็นกิเลสคนละตัวกัน แต่ 2 ตัวหลังคือ โทสะ
กับ โมหะ เหมือนกัน
การตอบของคุณสุชีพนั้น
ก็แสดงให้เห็นว่า คุณสุชีพไม่เข้าใจ “กิเลส”
อย่างแจ่มแจ้ง จึงตอบมั่วไปแบบนั้น
ดังได้กล่าวแล้วว่า
ในบทความส่วนนี้ จะนำมาจากหนังสือของสายวิชาธรรมกาย หนังสือ 4 เล่มหลักก็คือ
หนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำ จำนวน 4 เล่มนี้
01-ทางมรรคผล
18 กาย
|
|
02-คู่มือสมภาร
|
|
03-วิชชามรรคผลพิสดาร
|
|
04-วิชชามรรคผลพิสดาร
๒
|
|
ในการใช้หนังสืออื่นเพิ่มเติม
ก็จะเน้นหนังสือที่เป็นของสายวิชาธรรมกายเป็นหลัก
ในหนังสือมรรคผลนิพพาน (18กาย) อธิบายว่ากายของมนุษย์นั้นมี 18 กาย ดังนี้
1) กายมนุษย์หยาบ
|
2) กายมนุษย์ละเอียด
|
3) กายทิพย์หยาบ
|
4) กายทิพย์ละเอียด
|
5) กายรูปพรหมหยาบ
|
6) กายรูปพรหมละเอียด
|
7) กายอรูปพรหมหยาบ
|
8) กายอรูปพรหมละเอียด
|
9) กายธรรมโคตรภูหยาบ
|
10)
กายธรรมโคตรภูละเอียด
|
11)
กายธรรมพระโสดาหยาบ
|
12)
กายธรรมพระโสดาละเอียด
|
13)
กายธรรมพระสกิทาคามีหยาบ
|
14)
กายธรรมพระสกิทาคามีละเอียด
|
15)
กายธรรมพระอนาคามีหยาบ
|
16)
กายธรรมพระอนาคามีละเอียด
|
17)
กายธรรมพระอรหัตหยาบ
|
18)
กายธรรมพระอรหัตละเอียด
|
การแบ่งกายของมนุษย์เป็น
18 กายนั้น สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกอย่าง อย่างที่สายวิชาอื่นๆ อธิบายไม่ได้ชัดเจนเท่า
ขอให้ดูแผนผัง
31 ภูมิ ดังนี้
ผู้ที่ทำวิชา
18 กายได้ ถ้าตอนตายบารมีที่ทำมาทั้งหมดได้แค่กายไหน ก็ไปตามภพภูมิของชั้นนั้น
ถ้าทำได้แค่กายมนุษย์ก็กลับมาเกิดใหม่ กายทิพย์ก็ไปสวรรค์ 6 ชั้น
กายรูปพรหมก็ไปรูปพรหม 16 ชั้น กายอรูปพรหมก็ไปอรูปพรหม 4 ชั้น
บุคคลที่เป็นอริยบุคคลก็ไปตามพระไตรปิฎก
คนที่ทำความชั่ว
ไม่ได้กายอะไรเลยใน 18 กาย ก็ไปอบายภูมิ 4
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวกับกิเลสนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำจัดไว้ดังนี้
กาย
|
กิเลส
|
||
กายมนุษย์
|
อภิชฌา
|
พยาบาท
|
มิจฉาทิฐิ
|
กายทิพย์
|
โลภะ
|
โทสะ
|
โมหะ
|
กายรูปพรหม
|
ราคะ
|
โทสะ
|
โทสะ
|
กายอรูปพรหม
|
กามราคานุสัย
|
ปฏิฆานุสัย
|
อวิชชานุสัย
|
กิเลสของกายมนุษย์เป็นกิเลสอย่างหยาบ
กิเลสของกายทิพย์กับกายรูปพรหมเป็นกิเลสอย่างกลาง
กิเลสของกายอรูปพรหมเป็นกิเลสอย่างละเอียด
เมื่อกิเลสทั้งหมดถูกกำจัดออกไป
บุคคลผู้นั้นก็จะเป็น “เตรียมอริยบุคคล” สำหรับในวิชาธรรมกาย บุคคลประเภทนี้
จะเห็นกายธรรมโคตรภูของเขา
จะเห็นได้ว่า
กิเลสที่คนเขาถามมาแล้วคุณสุชีพตอบมั่วไปนั้น
ราคะ
|
โทสะ
|
โมหะ
|
โลภะ
|
โทสะ
|
โมหะ
|
หลวงพ่อวัดปากน้ำตอบได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ราคะ
โทสะ โมหะ
เป็นกิเลสของกายรูปพรหม ส่วน โลภะ โทสะ
โมหะ เป็นกิเลสของกายทิพย์ เป็นกิเลสของกายคนละประเภท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น