บทความชุดนี้ต้องการที่จะศึกษาว่า “นิพพาน” ในความคิดของนักปริยัติธรรมทั้งหลายนั้น เป็นอย่างไรบ้าง การศึกษาจึงมุ่งศึกษาไปที่ “วิทยานิพนธ์” ทั้งหลาย
วิทยานิพนธ์ฉบับแรกที่จะจับมา “ชำแหละ” ว่า มีคุณภาพเพียงใด คนทำยังอยู่กับ “พุทธเถรวาท” เพียงใด ขนาดไหน ทำความฉิบหายวายป่วงให้กับศาสนาพุทธของเราไปถึงไหนแล้ว และคนทำควรที่จะไปอยู่ที่ไหน หลังจากตายไปแล้ว
เรื่องแรกที่จะนำมาวิเคราะห์กันก็คือ วิทยานิพนธ์เรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์นิพพานในพระพุทธศาสนาเถรวาท” ซึ่งเป็นงานวิจัยในระดับปริญญาโทของ พระมหานรินทร์ ฐานุตฺตโร (วรสุข)
เป็นงานวิจัยที่ประกอบการเรียนหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พระพุทธศาสนา) ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีที่ทำก็คือ 2536 ก็เกือบๆ 20 ปีมาแล้ว
ผลการศึกษาที่ปรากฏในบทคัดย่อของวิทยานิพนธ์เล่มนี้ มีดังนี้
ผลการวิจัยพบว่า นิพพานในพระพุทธศาสนาเถรวาทคือ ภาวะทางจิตใจที่บรรลุความจริงอันสูงสุด ที่ทำให้สิ่งเป็นมายาหายไป เป็นผลของการเห็นแจ้งในสิ่งทั้งปวงในฐานะที่เป็นอนัตตาและสุญญตา เป็นการข้ามประสบการณ์โลกิยะ เข้าถึงประสบการณ์โลกุตระ
นิพพานจึงเป็นการมองโลกตามความเป็นจริง เป็นการเปลี่ยนแปลงทางญาณวิทยา หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงฐานะทางจิตใจให้สูงขึ้น เป็นการประเมินค่าหรือตีค่าสิ่งทั้งหลายในโลกเสียใหม่ เป็ฯผลให้กิเลส ตัณหา อุปาทานสิ้นไป
นิพพานจึงไม่มีสิ่งใดจะสูญเสีย นอกจากความเข้าใจผิด หรือหลงผิดตามพุทธวจนะว่า สิ่งที่สูญเสียคือ ราคะ โทสะ โมหะ เท่านั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรสูญเสีย
ดังนั้น นิพพานจึงมีเพียงหนึ่งเท่านั้น เมื่อจิตใจของคนเราได้เข้าถึงความจริงสูงสุดที่เรียกว่า ตรัสรู้
ส่วนนิพพาน 2 อย่างที่คัมภีร์กล่าวไว้ ก็เป็นเพียงการบรรยายเหตุการณ์ของผู้ที่บรรลุนิพานและยังมีชีวิตอยู่ กับบรรลุนิพพานแล้ว สังขารร่างกายได้ดับไปเท่านั้น
ผลการศึกษาของพระที่มาเรียนระดับปริญญาโทออกมาอย่างนี้ พุทธศาสนิกชนถึงได้กระทำความชั่วกันอย่างมากมายในปัจจุบัน ไม่มีใครมีหิริโอตตัปปะกันแล้ว
พระรูปนี้ ก็เป็นพระที่เปลืองข้าวสุกประชาชนอีกรูปหนึ่ง....ในหลายหมื่นรูปของยุคปัจจุบันนี้
ศึกษามาเป็นปีๆ พบว่า “นิพพานในพระพุทธศาสนาเถรวาทคือ ภาวะทางจิตใจที่บรรลุความจริงอันสูงสุด ที่ทำให้สิ่งเป็นมายาหายไป เป็นผลของการเห็นแจ้งในสิ่งทั้งปวงในฐานะที่เป็นอนัตตาและสุญญตา เป็นการข้ามประสบการณ์โลกิยะ เข้าถึงประสบการณ์โลกุตระ”
อย่างนี้ พุทธศาสนิกชนที่ได้มาอ่าน ก็สับสนกันไปหมด ความฉิบหายวายป่วงกับสังคมไทยจึงเกิดขึ้น
ขอวิพากษ์วิจารณ์คร่าวๆ ก่อนว่า การจะบรรลุมรรคผลนิพพานนั้น
1) ต้องละกิเลสหลายตระกูลจนบรรลุโสดาบัน
2) ต้องละสังโยชน์อีก 10 ประการ จึงจะบรรลุมรรคผลนิพพาน
ผลการศึกษาของมหานรินทร์ ไม่เคยกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวในบทคัดย่อ มหารูปนี้แกศึกษาศาสนาพุทธเถรวาท หรือฝันไปก็ไม่รู้
โดยสรุป
ทีแรกผมต้องการวิพากษ์วิจารณ์วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ประมาณ 4-5 บทความ แต่หลังจากอ่านจบแล้ว ผมฟันธงเลยว่า “เป็นวิทยานิพนธ์ที่ห่วยแตกที่สุด” เท่าที่เคยอ่านมา
ไม่มีความเป็นวิชาการใดๆ ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ไม่มีความเป็นเอกภาพในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มั่วไปหมด มั่วจริงๆ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เขียนขึ้นเพื่อสนับสนุนสายยุบหนอพองหนออย่างมืดบอดทางปัญญา อ่านไปก็นึกเสียดายเวลาของตัวเอง ที่ต้องมาอ่านวิทยานิพนธ์ห่วยๆ ฉบับนี้
ผมจึงขอวิพากษ์วิจารณ์เพียงบทความเดียวก็พอแล้ว...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น