บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระมหานรินทร์ ฐานุตฺตโร (วรสุข) [01]

บทความชุดนี้ต้องการที่จะศึกษาว่า “นิพพาน” ในความคิดของนักปริยัติธรรมทั้งหลายนั้น เป็นอย่างไรบ้าง  การศึกษาจึงมุ่งศึกษาไปที่ “วิทยานิพนธ์” ทั้งหลาย 

วิทยานิพนธ์ฉบับแรกที่จะจับมา “ชำแหละ” ว่า มีคุณภาพเพียงใด คนทำยังอยู่กับ “พุทธเถรวาท” เพียงใด ขนาดไหน ทำความฉิบหายวายป่วงให้กับศาสนาพุทธของเราไปถึงไหนแล้ว และคนทำควรที่จะไปอยู่ที่ไหน หลังจากตายไปแล้ว

เรื่องแรกที่จะนำมาวิเคราะห์กันก็คือ วิทยานิพนธ์เรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์นิพพานในพระพุทธศาสนาเถรวาท” ซึ่งเป็นงานวิจัยในระดับปริญญาโทของ พระมหานรินทร์ ฐานุตฺตโร (วรสุข)

เป็นงานวิจัยที่ประกอบการเรียนหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พระพุทธศาสนา) ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีที่ทำก็คือ 2536 ก็เกือบๆ 20 ปีมาแล้ว

ผลการศึกษาที่ปรากฏในบทคัดย่อของวิทยานิพนธ์เล่มนี้ มีดังนี้

ผลการวิจัยพบว่า นิพพานในพระพุทธศาสนาเถรวาทคือ ภาวะทางจิตใจที่บรรลุความจริงอันสูงสุด ที่ทำให้สิ่งเป็นมายาหายไป เป็นผลของการเห็นแจ้งในสิ่งทั้งปวงในฐานะที่เป็นอนัตตาและสุญญตา เป็นการข้ามประสบการณ์โลกิยะ เข้าถึงประสบการณ์โลกุตระ

นิพพานจึงเป็นการมองโลกตามความเป็นจริง เป็นการเปลี่ยนแปลงทางญาณวิทยา หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงฐานะทางจิตใจให้สูงขึ้น เป็นการประเมินค่าหรือตีค่าสิ่งทั้งหลายในโลกเสียใหม่ เป็ฯผลให้กิเลส ตัณหา อุปาทานสิ้นไป

นิพพานจึงไม่มีสิ่งใดจะสูญเสีย นอกจากความเข้าใจผิด หรือหลงผิดตามพุทธวจนะว่า สิ่งที่สูญเสียคือ ราคะ โทสะ โมหะ เท่านั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรสูญเสีย

ดังนั้น นิพพานจึงมีเพียงหนึ่งเท่านั้น เมื่อจิตใจของคนเราได้เข้าถึงความจริงสูงสุดที่เรียกว่า ตรัสรู้

ส่วนนิพพาน 2 อย่างที่คัมภีร์กล่าวไว้ ก็เป็นเพียงการบรรยายเหตุการณ์ของผู้ที่บรรลุนิพานและยังมีชีวิตอยู่ กับบรรลุนิพพานแล้ว สังขารร่างกายได้ดับไปเท่านั้น

ผลการศึกษาของพระที่มาเรียนระดับปริญญาโทออกมาอย่างนี้  พุทธศาสนิกชนถึงได้กระทำความชั่วกันอย่างมากมายในปัจจุบัน ไม่มีใครมีหิริโอตตัปปะกันแล้ว

พระรูปนี้ ก็เป็นพระที่เปลืองข้าวสุกประชาชนอีกรูปหนึ่ง....ในหลายหมื่นรูปของยุคปัจจุบันนี้

ศึกษามาเป็นปีๆ พบว่า “นิพพานในพระพุทธศาสนาเถรวาทคือ ภาวะทางจิตใจที่บรรลุความจริงอันสูงสุด ที่ทำให้สิ่งเป็นมายาหายไป เป็นผลของการเห็นแจ้งในสิ่งทั้งปวงในฐานะที่เป็นอนัตตาและสุญญตา เป็นการข้ามประสบการณ์โลกิยะ เข้าถึงประสบการณ์โลกุตระ”

อย่างนี้ พุทธศาสนิกชนที่ได้มาอ่าน ก็สับสนกันไปหมด  ความฉิบหายวายป่วงกับสังคมไทยจึงเกิดขึ้น

ขอวิพากษ์วิจารณ์คร่าวๆ ก่อนว่า การจะบรรลุมรรคผลนิพพานนั้น
1) ต้องละกิเลสหลายตระกูลจนบรรลุโสดาบัน
2) ต้องละสังโยชน์อีก 10 ประการ จึงจะบรรลุมรรคผลนิพพาน

ผลการศึกษาของมหานรินทร์ ไม่เคยกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวในบทคัดย่อ  มหารูปนี้แกศึกษาศาสนาพุทธเถรวาท หรือฝันไปก็ไม่รู้


โดยสรุป

ทีแรกผมต้องการวิพากษ์วิจารณ์วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ประมาณ 4-5 บทความ แต่หลังจากอ่านจบแล้ว ผมฟันธงเลยว่า “เป็นวิทยานิพนธ์ที่ห่วยแตกที่สุด” เท่าที่เคยอ่านมา

ไม่มีความเป็นวิชาการใดๆ ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ไม่มีความเป็นเอกภาพในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้  มั่วไปหมด มั่วจริงๆ

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เขียนขึ้นเพื่อสนับสนุนสายยุบหนอพองหนออย่างมืดบอดทางปัญญา  อ่านไปก็นึกเสียดายเวลาของตัวเอง ที่ต้องมาอ่านวิทยานิพนธ์ห่วยๆ ฉบับนี้

ผมจึงขอวิพากษ์วิจารณ์เพียงบทความเดียวก็พอแล้ว...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น